|
บันทึกจากเจ้าอาวาส |
|
“สาธุนรธรรมกถา”
ว่าด้วยธรรมของคนดี
ขอถวายพระพร เจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลพระชนมสุขทุกประการ
จงมีแต่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารพระองค์ สมเด็จพระปรมินทรมหาธรรมิกราชเจ้า
ผู้ทรงประคุณอันประเสริฐ บัดนี้จักรับพระราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาสาธุนรธรรมกถา ฉลองพระเดชพระคุณประดับปัญญาบารมี ถ้ารับพระราชทานถวายวิสัชนาไป
มิได้ต้องตามโวหารอรรถาธิบายในพระธรรมเทศนา ณ บทใด บทหนึ่งก็ดี ขอเดชะพระเมตตาคุณ พระกรุณาคุณ พระขันติคุณ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานอภัยแก่อาตมะผู้มีสติปัญญาน้อย
ขอถวายพระพร
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
ยาตานุยายี จ ภวาหิ มาณว
อลฺลญฺจ ปาณึ ปริวชฺชยสฺสุ
มา จสฺสุ มิตฺเตสุ กทาจิ ทุพฺภิ
มา จ วสํ อสตีนํ นิคจฺเฉติ
(ขุ.ชา.๒๘/๙๙๔/๓๔๘)
บัดนี้ จักรับพระราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาในสาธุนรธรรมกถา ว่าด้วยธรรมของคนดี ฉลองพระเดชพระคุณประดับพระปัญญาบารมีเป็นปสาทนียกถาอนุโมทนาในมหามังคลาภิรักขิตกาล ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เหตุทรงพระราชปรารภวันพระราชสมภพ ซึ่งเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งในวันที่ ๑๒ สิงหาคม
จึงทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงพระราชอุทิศถวายพระสยามเทวาธิราช สมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า และสมเด็จพระบรมราชบุพการี
พระราชกุศลจริยานี้ เป็นการทรงแสดงออกให้ปรากฏซึ่งพระกตัญญูกตเวทิตาธรรมประจำพระราชหฤทัยของสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์
ซึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญไว้ว่า เอสา ภิกฺขเว สปฺปุริสภูมิ ยทิทํ กตญฺญุตา
กตเวทิตา แปลความว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นขั้นพื้นฐานของคนดี
มหามังคลาภิรักขิตกาลวันคล้ายวันพระราชสมภพ ที่เวียนมาบรรจบเช่นนี้ เป็น
พระราชวโรกาสที่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะได้ทรงประกอบพระโยนิโสมนสิการคือทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณอันแยบคาย ถึงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลานานกว่า
๔๐ ปี ว่ามีพระราชธรรมข้อใดบ้างเป็นฐานรองรับให้ทรงอุทิศกำลังพระวรกายและพระปัญญา เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ สม่ำเสมอ
ตลอดมา เมื่อได้ทรงพิจารณาเห็นพระราชธรรมเหล่านั้นแล้วก็จะเกิดพระปีติโสมนัส
มิใช่น้อย ทั้งจะตั้งพระราชหฤทัยปฏิบัติบำเพ็ญพระราชธรรมให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้น ความสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลก็จะเกิดมีแต่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ด้วยเหตุทรงบำเพ็ญพระราชจริยานั้น
ข้อนี้สมด้วยพุทธศาสนาสุภาษิตที่บัณฑิตกล่าวถวายพระมหากษัตริย์ครั้งโบราณกาลกราบทูลให้ทรงพระวิจารณ์พระราชธรรมที่บำเพ็ญอยู่ว่า อิจฺเจเต กุสเล ธมฺเม
เป็นต้น แปลความว่า ขอพระองค์ทรงพิจารณาราชกุศลธรรมที่สถิตอยู่ในพระองค์
เหล่านั้นเถิด เมื่อทรงพิจารณาเช่นนั้น พระปีติโสมนัสจะเกิดมีแด่พระองค์มิใช่น้อย
พระราชกุศลธรรมที่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญมามีมากเกินกว่าจะพรรณนาให้ครบถ้วน
ทุกประการได้ ขอพระราชทานนำพระราชกุศลธรรมเฉพาะข้อที่เรียกว่าสาธุนรธรรม
มาวิสัชนาถวาย ณ ที่นี้
สาธุนรธรรมนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญว่าเป็นธรรมของคนดี
สมดังพระบาลีนิกเขปบทที่ขอพระราชทานยกไว้เป็นคาถาอุเทศ ณ เบื้องต้นว่า ยาตานุยายี
เป็นต้น แปลความว่า สาธุชนคนดีมีธรรม ๔ ประการคือ
๑. ยาตานุยายี เดินตามทางที่ท่านเดินมาแล้ว
๒. อลฺลญฺจ ปาณึ ปริวชฺชยสฺสุ ไม่เผาฝ่ามืออันชุ่ม
๓. มา จสฺสุ มิตฺเตสุ กทาจิ ทุพฺภิ ไม่ประทุษร้ายมิตรไม่ว่าในเวลาใด
๔. มา จ วสํ อสตีนํ นิคจฺเฉ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของคนไร้สติ
สาธุนรธรรมประการที่หนึ่ง คำว่า ยาตานุยายี แปลว่า เดินตามทางที่ท่านเดิน
มาแล้ว หมายความว่าอนุชนคนรุ่นหลังปฏิบัติตามแนวทางที่บุรพการีชนคนรุ่นก่อนได้
วางเป็นแบบอย่างไว้
ราชอาณาจักรไทยรักษาความเป็นไทมานานกว่า ๗๐๐ ปี แม้จะมีวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง เพราะพระราชประเพณีแห่งพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้ากำหนดให้องค์พระมหากษัตริย์ต้องมีพระคุณลักษณะของพระมหาธรรมิกราชเจ้า คือทรงทศพิธราชธรรม สมเด็จพระบรมพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระผู้อันประเสริฐ ทรงรักษาพระราชประเพณีนั้น ด้วยทรงมีพระราชจริยวัตรที่เพียบพร้อมด้วยพระคุณลักษณะแห่งพระมหาธรรมิกราชเจ้า ทุกประการ สมดังพระราชปณิธานที่ทรงประกาศเป็นปฐมบรมราชโองการว่า ”เราจักครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม„
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเพียบพร้อมด้วยสาธุนรธรรมข้อที่ ๑ คือ ยาตานุยายี เดินตามทางที่ท่านเดินมาแล้ว
จึงทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ ”เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม„ ตามรอยพระยุคลบาทสนองพระเดชพระคุณแห่งพระบรมราชสวามีผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ทั้งนี้เพราะทรงมีพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยทศพิธราชธรรม ทรงพระเมตตากรุณา
พสกนิกรชาวไทยตลอดจนเพื่อนมนุษย์และสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารให้มีความร่มเย็น พระเกียรติคุณข้อนี้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ทั่วโลก ดังจะเห็นได้ว่าในปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระฉายาลักษณ์ไว้ด้านหน้าของเหรียญ เซเรสส่วนด้านหลังของเหรียญจารึกอักษรภาษาอังกฤษว่า ”To give without
discrimination„ แปลว่า ”ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง„
เหตุเพราะทรงปฏิบัติบำเพ็ญสาธุนรธรรมข้อแรกนี้เป็นสำคัญ สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงทรงอุทิศพระองค์เป็น
เวลาอันยาวนานหลายสิบปีเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่า
ของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ในปี
พุทธศักราช ๒๕๑๙ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของไทย และเพื่อให้โอกาสชาวนาชาวไร่ประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ พระราชจริยานี้ช่วยให้พสกนิกรชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
สาธุนรธรรมประการที่สองคือ อลฺลญฺจ ปาณึ ปริวชฺชยสฺสุ แปลความว่า ไม่เผา
ฝ่าฝืออันชุ่ม หมายความว่า ฝ่ามือของผู้มีพระคุณเปียกชุ่มด้วยข้าวน้ำที่ชุบเลี้ยงเรามา
คนดีต้องไม่เผาฝ่ามืออันชุ่มคือไม่ทรยศผู้มีพระคุณ กล่าวอีกนัยหนึ่งคนดีมีความกตัญญูรู้คุณและกตเวทีตอบแทนคุณท่าน สมดังสุภาษิตที่ว่า นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา แปลความว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี การจะวัดใจคนว่าดีเพียงใดอาจดูได้จากพฤติกรรมว่าเป็นคนชอบรักษาหรือชอบทำลาย ทั้งนี้เพราะคนดีมีนิสัยชอบถนอมรักษา คนไม่ดีมีนิสัยชอบทำลาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนดีมีความกตัญญูรู้คุณค่าของบุคคลหรือสิ่งของ จึงชอบถนอมรักษา ในขณะที่คนไม่ดีขาดความกตัญญูรู้คุณค่าจึงชอบทำลาย เช่น คนที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นคนกตัญญูต่อแผ่นดิน ส่วนคนที่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นคนไม่รู้คุณของแผ่นดิน
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเพียบพร้อมด้วยสาธุนรธรรมข้อนี้ เพราะทรงแสดงออกให้ปรากฏซึ่งพระกตัญญูกตเวทิตาธรรมที่ทรงมีต่อพระราชมารดาเสมอมา รวมทั้งโปรดฯ ให้ได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอย่างดีในเวลาประชวร ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ทรงแสดงออกให้ปรากฏซึ่งพระกตัญญูกตเวทิตาธรรมอันหาที่เปรียบมิได้ในสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า
ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐด้วยการอุทิศพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจและพระราชภารกิจสนับสนุนพระบรมราโชบายสมกับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถคู่พระบารมีของสมเด็จพระมหาธรรมิกราชเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
สาธุนรธรรมประการที่ ๓ คือ มา จสฺสุ มิตฺเตสุ กทาจิ ทุพฺภิ แปลความว่า การ
ไม่ประทุษร้ายมิตรไม่ว่าในเวลาใด คำว่า มิตร หมายถึงผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับเรา มิตรในกรณีนี้จึงไม่ได้หมายเพียงเพื่อนมนุษย์เท่านั้น แม้สัตว์ดิรัจฉานและต้นไม้ที่มี
คุณประโยชน์ท่านก็จัดว่าเป็นมิตร ชาวนาผู้ฆ่าโคหลังใช้ไถนาเสร็จแล้วชื่อว่าประทุษร้ายมิตร ผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติที่ให้คุณประโยชน์แก่ตนก็ชื่อว่าประทุษร้ายมิตรเหมือนกัน เมื่อมนุษย์ทำลายมิตรคือสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ มนุษย์ก็ถูกธรรมชาติลงโทษ ธาตุสี่คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ วิปริตกลายเป็นมลพิษสำหรับมนุษย์ การที่มนุษย์
ถูกธรรมชาติลงโทษเช่นนี้ก็เหมือนกับเรื่องมหาวาณิชชาดก ดังจะขอพระราชทานนำมาสาธกไว้ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล พวกพ่อค้าจำนวนมากเดินทางไปค้าขายต่างเมืองด้วยกัน ระหว่าง
ทางได้ถึงดินแดนทุรกันดาร ไม่มีอาหารและน้ำเหลืออยู่เลย แต่พวกเขาโชคดีที่ได้พบต้นไม้ใหญ่ เมื่อพวกเขาตัดกิ่งด้านหนึ่งของต้นไม้นั้นก็มีสายน้ำไหลออกมาจากกิ่งนั้น
ให้พวกพ่อค้าได้ดื่มกิน จากนั้นพวกเขายังตัดกิ่งอีกด้านหนึ่งเพื่อเก็บผลไม้มาเป็นอาหาร
พวกพ่อค้ามีความโลภมากปรึกษากันว่า นี่เป็นต้นไม้วิเศษ เมื่อพวกเราตัดกิ่งยังได้
อาหารขนาดนี้ ถ้าโค่นทั้งต้นคงจะพบของมีค่าอื่นๆ มากมาย พ่อค้าทั้งหมดเห็นว่าควรโค่นต้นไม้ยกเว้นแต่หัวหน้าพ่อค้าที่ห้ามปรามไว้ แต่ไม่มีใครเชื่อฟังเขา พวกเขาตัดโคนต้นไม้โค่นลงมา พอต้นไม้ล้มลง ได้มีพญานาคออกมาฆ่าพ่อค้าเหล่านั้นแต่ยังไว้ชีวิตหัวหน้าเพียงคนเดียว
จากชาดกเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าทรงสรุปว่า ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา
เป็นต้น แปลความว่า บุคคลนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่ควรหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น
ผู้ทำเช่นนั้นชื่อว่าประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวแท้ๆ
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเพียบพร้อมด้วยสาธุนรธรรมข้อนี้ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงแนะนำและส่งเสริม
พสกนิกรชาวไทยให้อนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า ทรงสนับสนุนโครงการป่ารักน้ำ ซึ่งทรงริเริ่มไว้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์
ยังได้ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่พสกนิกรชาวไทย ด้วยการรักษาสภาพบริเวณสวนจิตรลดาให้เป็นสถานที่อันร่มรื่นงดงามด้วยต้นไม้นานาพรรณ
และสัตว์นานาชนิด
สาธุนรธรรมประการที่ ๔ คือ มา จ วสํ อสตีนํ แปลความว่า การไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของคนไร้สติ เพราะคนไร้สติมักให้คำแนะนำอย่างไม่รอบคอบ จึงมักจะนำเภทภัยมาให้ในภายหลัง คนที่หลงเชื่อถือคำของคนประเภทนี้อาจจะแพ้ภัยตัวเอง เพราะบูชา
ผู้ไม่ควรบูชาจึงพากันล่มจม ดังเรื่องต่อไปนี้ในจัมมสาฏกชาดก
ในอดีตกาล มีปริพาชกคนหนึ่งชื่อจัมมสาฏก เที่ยวภิกขาจารอยู่ในกรุงพาราณสี
ถึงสถานที่ชนแพะ ขณะนั้น แพะตัวหนึ่งเห็นปริพาชกนั้นแล้วตั้งท่าจะขวิด มันจึงย่อตัวลงปริพาชกไม่ถอยหนีด้วยเข้าใจผิดคิดว่า ”แพะตัวนี้ย่อตัวทำความเคารพเรา ในเมืองใหญ่นี้มีแพะนี้ตัวเดียวเท่านั้นที่รู้คุณของเรา„ พอคิดเช่นนี้ปริพาชกได้ยืนประณมมือรับความเคารพของแพะนั้น เขาจึงถูกแพะขวิดล้มลงขาดใจตายตรงนั้นเอง
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงปฏิบัติบำเพ็ญสาธุนรธรรมข้อที่ ๔ นี้ ด้วยการที่ทรงมีพระราชศรัทธาในพระรัตนตรัย
ใฝ่พระราชหฤทัยในการศึกษาพระศาสนาและทรงธรรม โปรดสนทนาธรรมกับสมเด็จ
พระสังฆราชและพระมหาเถระอยู่เนืองๆ
พระปีติในธรรมจะเกิดมีมิใช่น้อย เมื่อสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประกอบพระโยนิโสมสิการ คือทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณอันแยบคายถึงสาธุนรธรรม ๔ ประการ ดังที่ขอรับพระราชทานถวายวิสัชนามาตามแนวพระบาลีนิกเขปบทเบื้องต้นว่า ยาตานุยายี จ ภวาหิ มาณว เป็นต้น
ซึ่งขอพระราชทานแปลสรุปเป็นคำประพันธ์ร้อยกรองว่า
(๑) เดินตามรอยคนดีที่อยู่หน้า
(๒) มือเคยเลี้ยงเรามาจงอย่าเผา
(๓) อย่าทำร้ายพวกพ้องมิตรของเรา
(๔) อีกคนเขลาไร้สติอย่าริตาม
สาธุนรธรรมทั้ง ๔ ประการ มีประจำอยู่ในพระราชหฤทัยของสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้ทรงอุทิศพระองค์
ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจและพระราชภารกิจตามรอยพระยุคลบาทของสมเด็จ
บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันมา
เป็นเวลานานกว่า ๔๐ ปี
รตนตฺตยานุภาเวน รตนตฺตยเตชสา ด้วยเดชานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย
และด้วยเดชะแห่งพระราชกุศลที่ทรงบำเพ็ญให้เป็นไปในหมู่สงฆ์ พร้อมทั้งอานุภาพ
แห่งสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์และพระสยามเทวาธิราช ได้อภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพระเจริญพระราชสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลพระชนมสุขทุกประการ อุปสรรคอุปัทวันตรายทั้งปวงอย่าแผ้วพานพระมหาจักรีบรมวงศ์ พระราชวงศ์ มุขอำมาตย์มนตรี ชาวประชาราษฎร สมณชีพราหมณ์ ตลอดนิรันดร์กาล
รับพระราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาในสาธุนรธรรมกถา ฉลองพระเดชพระคุณ ประดับพระปัญญาบารมี ยุติลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้
******************************
|
|
|
|
|
|
|